QUICK TOPIC
1.ตัวอย่างผู้ป่วยที่ประสบความสำเร็จจากการนวดตารักษาโรคต้อหินและโรคประสาทตาขาดเลือดจากสาเหตุอื่นๆ และยินดีถ่ายทอดประสบการณ์การรักษา เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ป่วยรุ่นต่อๆไป

2. ผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ( Normal Tension Glaucoma ) หากโรครุนแรงและการดำเนินโรคเร็ว มักจะสิ้นสุดลงด้วยตาบอดทั้งสองข้างในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี การรักษาด้วยมาตรการลดความดันลูกตา ทั้งการใช้ยา การผ่าตัด หรือการยิงเลเซอร์ ก็ไม่อาจจะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ได้ มีเพียงการรักษาด้วยการนวดตาเท่านั้น ที่จะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ให้รอดพ้นจากการตาบอดได้ ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้

3.การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ บวกกับความเจริญทางด้านไอที ทำให้มีการใช้สายตามากขึ้น ในอนาคตจะพบผู้ป่วยโรคต้อหินมากขึ้นและอายุน้อยลงเรื่อยๆซึ่งเป็นกลุ่มโรคต้อหินที่มีความดันลูกตาปกติ เหมือนในประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ มีผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ มากที่สุดในโลก (สอดคล้องกับงานวิจัยของ Dr Masayuki Tatemichi, from Toho University School of Medicine) และโรคต้อหินกำลังจะเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยและของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้

4. โรคต้อหิน มีโอกาสเกิดกับทุกคน ทุกวัย และทุกอาชีพ ไม่ยกเว้นแม้แต่แพทย์ ที่ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับผู้ป่วยอื่นๆ หากโรครุนแรงก็มีโอกาสตาบอดได้ ถึงแม้จะรักษาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

5. ผู้ป่วยโรคต้อหินที่มีอาการ เช่น ปวดตา ตาพร่ามัว ตาสู้แสงไม่ได้ ใช้คอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน อ่านหนังสือได้ไม่ทน ฯลฯ ทำให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมาน หรือเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตและวิชาชีพ การรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ด้วยมาตรการลดความดันลูกตา ไม่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการดังกล่าวได้ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ในผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ ( Normal Tension Glaucoma ) ในปัจจุบัน มีเพียงการนวดตาเท่านั้น ที่ช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ให้กลับมาดำเนินชีวิตปกติได้อีกครั้งหนึ่ง

6. พันธุกรรมมีความเกี่ยวข้องกับโรคต้อหินชนิดเรื้อรังอย่างชัดเจน

7. การพบรอยเว้ารูปถ้วยที่ขั้วประสาทตาในเด็กเล็ก จักษุแพทย์และพ่อแม่เด็กอย่าได้ตกใจ เพราะไม่ใช่โรคต้อหินแต่กำเนิดหรือโรคต้อหินเรื้อรังชนิดที่พบในผู้ใหญ่ แต่เป็นเพียงความแตกต่าง( variation )ของขั้วประสาทตาที่อาจเกิดขึ้นได้ในเด็กปกติ ขั้วประสาทตาอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หรือมีจำนวนใยประสาทตาน้อยกว่าปกติ ทำให้มีช่องว่างเหลือที่ขั้วประสาทตา และสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่แรกคลอด มีลักษณะเป็นรูปถ้วยคล้ายกับที่พบในผู้ป่วยโรคต้อหิน ความแตกต่างอยู่ที่รอยเว้ารูปถ้วยในโรคต้อหิน เป็นช่องว่างที่เคยมีใยประสาทอยู่เต็มมาก่อนแล้วต่อมาเกิดแห้งฝ่อหายไป ดังตัวอย่างเด็ก 2 รายต่อไปนี้

8. ผู้ป่วยโรคต้อหิน หลังจากได้รับการรักษาด้วยการนวดตา ถึงแม้อาการของโรคจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ควรจะนวดตาต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคนี้ไม่หายขาด หากประมาทและละเลยการนวดตา โรคจะกลับมารุนแรงได้อีก ดังตัวอย่าง

9. ความเครียดทางด้านจิตใจ ความกังวล และการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ความดันลูกตาขึ้นสูงได้มากกว่า 10 มม.ปรอท

10. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดลดความดันลูกตา

ตัวอย่างผู้ป่วยที่ประสบความสำเร็จจากการนวดตารักษาโรคต้อหินและโรคประสาทตาขาดเลือดจากสาเหตุอื่นๆ
และยินดีถ่ายทอดประสบการณ์การรักษา เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ป่วยรุ่นต่อๆไป
จากตัวอย่างเหล่านี้ สังเกตุได้ว่าผู้ป่วยต้อหินเรื้อรังมีอาการที่ชัดเจนหลายๆอย่าง ซึ่งมีประโยชน์มากในการช่วยวินิจฉัยผู้ป่วยได้เร็วขึ้น ก่อนที่ประสาทตาจะถูกทำลายไปมากดังที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน

อุทาหรณ์การเกิดโรคต้อหินจากการใช้ยาหยอดตาด้วยตนเองของ อดีตพระเอกยอดนิยม สมบัติ เมทะนี
        เมื่อครั้งที่ สมบัติ เมทะนี และ เพชรา เชาวราษฎ์ กำลังโด่งดังในฐานะพระเอกและนางเอกยอดนิยมในสมัยนั้น จากการตรากตรำและถูกแสงไฟที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์เป็นประจำ ทำให้มีอาการตาแดงอักเสบเรื้อรัง หลังจากที่ คุณ เพชรา เชาวราษฏ์ ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ใช้ยาหยอดตา Vasodex ซึ่งมีส่วนผสมของยาเสตอรอยด์เพื่อลดการอักเสบ และยาหดเส้นเลือด ทำให้ตาดูขาวทันทีหลังจากหยอดยาดังกล่าว คุณ สมบัติ เมทะนี เห็นประสิทธิผลของยาดังกล่าวจึงซื้อใช้เองบ้าง และด้วยความชะล่าใจไม่ทราบถึงผลข้างเคียงของยาเสตอรอยด์ที่สามารถทำให้เกิดโรคต้อหินในระยะยาว ต่างซื้อใช้กันเองไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวและเลิกยาดังกล่าว ประสาทตาก็ถูกทำลายไปมากแล้ว


นาวาโท บุญสิทธิ์ สุทธาชีวะ รน.
อายุ 47 ปี อาชีพ รับราชการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด
โทร.081-3365754,080-2280999
ประวัติ 10 ปีก่อนมีปัญหาเรื่องสายตา ไปตรวจที่รพ.รามาธิบดี จักษุแพทย์ทางด้านจอประสาทตาให้การวินิจฉัยเป็นโรค ศูนย์กลางจอประสาทตาบวม ( Macular schisis ) และยังไม่มีวิธีการรักษา
        3ปีก่อน รู้สึกว่าสายตาข้างซ้ายเลวลง จึงไปรับการตรวจที่รพ.ตาหูคอจมูก พบว่าความดันลูกตาสูงประมาณ 30 มม.ปรอท และได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคต้อหินเรื้อรังชนิดมุมแคบ ( Advanced chronic narrow angle Glaucoma )
อาการ 1. แสงดูมืดลง 20%
        2.เห็นภาพซ้อน
        3.เวลาใช้สายตาอ่านหนังสือหรือดูโทรทัศน์ จะมีอาการมึนชา ปวดตึงในเบ้าตา และปวดจี๊ดขึ้นสมองถ้านอนพักสายตา อาการจะดีขึ้น
        4. มองสิ่งที่เคลื่อนที่เร็วๆไม่ทัน
การใช้ยา ได้ยาหยอดลดความดันลูกตา 3 - 4 ชนิด
ผลการรักษา อาการมีแต่ทรงกับทรุด
12 กันยายน 2549
        ตรวจพบว่าขั้วประสาทตา ตาขวาฝ่อ 60% ตาซ้าย ฝ่อเกือบหมด ตาแดงอักเสบทั้ง 2 ข้าง จากผลข้างเคียงของยาหยอดลดความดันลูกตา
หลังรับการรักษาด้วยการนวดตา
        อาการต่างๆที่เคยเป็นก็ค่อยๆหายไปหมด สามารถลดจำนวนยาลดความดันลูกตาลงเหลือเพียง 1 ชนิด
        และจากการตรวจด้วยเครื่องสแกนจอประสาทตา ( OCT ) ภายหลังการรักษาด้วยการนวดตา 1 ปี พบว่า ศูนย์กลางจอประสาทตาที่เคยบวม ( Macular schisis ) และจักษุแพทย์รามาธิบดีเคยบอกว่ารักษาไม่ได้ ก็หายบวมแบนราบลง ( ดังรูป ) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การมองเห็นและคุณภาพชีวิตในขณะนี้ดีขึ้นมาก

ตาซ้าย
ก่อนนวดตา
หลังนวดตา

ตาขวา
ก่อนนวดตา
หลังนวดตา


นาง ระเบียบ ศรีถาวร อายุ 37 ปี โทร. 086-9133928
อาชีพ ครู โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่
ประวัติ พ่อเป็นโรคต้อหิน
              เริ่มมีอาการตาซ้ายพร่ามัวเมื่อเดือนเมษายน 2551
              และรู้สึกว่าลานสายตาแคบลง
13 มิถุนายน 2550 ไปตรวจที่ รพ.แพร่ จักษุแพทย์วินิจฉัยเป็นโรคต้อหิน
15 มิถุนายน 2550 ไปตรวจที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
          จักษุแพทย์บอกว่าตาซ้ายคงจะบอดในเวลา 5 ปี
          จึงค้นหาหนทางรักษาทางอินเตอร์เน็ต
21 มิถุนายน 2550 VA 20/20 BE Tn: RE 8.9 mm.Hg. LE 9.0 mm.Hg.
          Disc: deep cup RE 0.75 LE 0.9       VF: RE -6.07 dB LE -26.89 dB

ตาขวา
ลานสายตา
ขั้วปราสาทตา


ตาซ้าย
ลานสายตา
ขั้วปราสาทตา

          ยาที่ใช้อยู่    Azopt eyedrop วันละ 3 ครั้ง
                              Alphagan eyedrop วันละ 2 ครั้ง
                              0.5% Glauco-oph eyedrop วันละ 2 ครั้ง
                              Xalatan eyedrop วันละ 1 ครั้ง
                              เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
8 ธันวาคม 2550 Tn RE 18.9 mm.Hg. LE 21.3 mm.Hg.ผลการตรวจลานสายตาดีขึ้น
          ยาที่ใช้อยู่    2%Isoptocarpine eyedrop วันละ 2 ครั้ง
                              Alphagan eyedrop วันละ 2 ครั้ง
                              0.5% Glauco-oph eyedrop วันละ 2 ครั้ง
1 พฤศจิกายน 2551 Tn RE 12.9 mm.Hg. LE 15.5 mm.Hg
          ยาที่ใช้อยู่ 2% Isoptocarpine eyedrop วันละ 1 ครั้ง
                           Alphagan eyedrop วันละ 2 ครั้ง
                           0.5% Glauco-oph eyedrop วันละ 2 ครั้ง
หมายเหตุ เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้อยู่ไกล จึงประสานความร่วมมือกับจักษุแพทย์ที่รพ.แพร่ คือ
พญ.วลัยพร ยะติพูนสุข และ พญ.กรรณิการ์ มะระประเสริฐศักดิ์ ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นตามลำดับ การมองเห็นดีขึ้น ลานสายตาเห็นกว้างขึ้น และสามารถกลับมาขับรถได้เองแล้ว

นาย สุรเชษฐ์ เวชชพิทักษ์ อายุ 53 ปี
อาชีพ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน  โทร 081-8111513
facebook : http://www.facebook.com/profile.php?id=581882108



ประวัติ ผู้ป่วยโรคต้อหินเรื้อรังที่ได้รับยาหยอดตา 3-4 ชนิด แล้วอาการยังคงเลวลงจึงได้รับการแนะนำให้รับการผ่าตัดลดความดันตาแต่ผู้ป่วยปฏิเสธและเข้ารับการตรวจรักษาด้วยเทคนิคการนวดตา หลังจากนั้นก็สามรถถอนยาเดิมทีละอย่างจนขณะนี้สามารถถอนยาได้หมดและการมองเห็นดีกว่าเดิม

นาง จันทิรา นิราราช อายุ 44 ปี
กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โทร. 02-9730190, 02-9405754 ต่อ 2101, 081-8071917
ประวัติ ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคต้อหิน ใช้ยาหยอดตามาตลอด อาการไม่ดีขึ้น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ได้ไม่ทน ตาแดงตาแฉะมาตลอด
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2549 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
อาการตาแดงตาแฉะหายแล้ว สามารถทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ได้ดีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก และไม่กังวลเรื่องตาจะบอดอีกแล้ว

นส.ภัทรา แก้วเพชร อายุ 45 ปี โทร. 081 – 3618712

ที่ทำงาน ร้านดาวบูติค ประตูน้ำ กรุงเทพฯ โทร. 02-6537763 , 02-2501539
          มีประวัติปวดหัวคล้ายไมเกรนเป็นประจำทุกเดือนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ปวดทั้งซีกขวาและซีกซ้าย แต่ส่วนใหญ่จะปวดซีกขวา เห็นแสงสลัวลงคล้ายฝนจะตก แต่ก็ไม่ได้เอะใจ ระยะหลังทำงานเขียนแบบเสื้อลำบากขึ้นจากสายตาพร่ามัว หลังจากทราบว่าเป็นโรคต้อหินและได้รับการรักษาที่ รพ.ตาหูคอจมูก โดยรับการยิงเลเซอร์ที่ตาทั้ง 2 ข้าง และควบคุมความดันตาด้วยยาหยอดตา 2 ตัว สายตาก็ไม่ดีขึ้น ตาขวาเห็นเพียงมือโบกไหวๆเท่านั้น จักษุแพทย์ที่รักษาบอกว่ามารักษาช้าเกินไป ตาขวาบอดแล้ว
          หลังจากรักษาด้วยวิธีนวดตา แสงที่เห็นดูสว่างขึ้นชัดเจน ตาขวากลับมาเห็นดีขึ้น เมื่อปิดตาซ้าย ตาขวาสามารถเห็นตัวเลขสายรถเมล์ที่กำลังจะเข้าป้าย และที่สำคัญ สามารถทำงานเขียนแบบเสื้อได้ชัดเจนโดยไม่ต้องใส่แว่นสายตายาวที่จักษุแพทย์ รพ.ตาหูคอจมูกแนะนำให้ตัดใส่ทำงาน
หมายเหตุ ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาโรคไมเกรนมาตลอด 5-6 ปี จนกระทั่งตาบอด 1 ข้าง โดยไม่ทราบว่าเป็นโรคต้อหินเรื้อรังทั้ง 2 ตา จึงเป็นอุทาหรณ์ว่า หากเริ่มมีอาการคล้ายไมเกรนในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ให้นึกถึงโรคต้อหินเอาไว้เสมอ ถึงแม้ความดันลูกตาจะไม่สูง จักษุแพทย์ควรขยายม่านตาเพื่อตรวจดูขั้วประสาทตาเสมอ


นายมานะ เงินศรีสุข อายุ 43 ปี โทร. 081-8439447
อาชีพ อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ประวัติ มีอาการปวดตา ปวดหัวคล้ายไมเกรน และตาพร่ามัว
        ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรคต้อหินและรับการรักษาที่รพ.พระมงกุฎฯมา 7 ปี
        ใช้ยา 3 ชนิด คือ Alphagan, Cosopt และ Lumigan
ปัญหา  ควบคุมความดันลูกตาไม่ได้ด้วยยาทั้ง 3 ชนิด
         ยิงเลเซอร์ก็ไม่ได้ผล ตาซ้ายความดันลูกตาสูงถึง 30 มม.ปรอท
        และได้รับการผ่าตัดลดความดันลูกตาข้างซ้ายไปแล้ว
         ขณะที่ความดันลูกตาด้านขวาก็สูงถึง 25 มม.ปรอท
         และรับใบนัดเตรียมผ่าตัดตาข้างขวาแล้ว
         จึงลองค้นหาข้อมูลการรักษาโรคต้อหินทางอินเตอร์เน็ต
         พบการรักษาโรคต้อหินด้วยการนวดตา
24 กรกฎาคม 2549 เข้ารับการตรวจและรักษาด้วยการนวดตา
5 ธันวาคม 2549 ผลการรักษาด้วยการนวดตา
        1. อาการปวดตาและปวดหัว หายแล้ว
        2. อาการตาแดง ตาแฉะ จากผลข้างเคียงของยาหยอดลดความดันลูกตา หายหมดแล้ว
        3. สามารถลดจำนวนยาหยอดลดความดันลูกตา
       4. สามารถควบคุมความดันลูกตาลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        สุขภาพตาโดยรวมดีขึ้นมาก ชีวิตมีความสุขขึ้น

นายสถิตย์ วงศ์อนุ อายุ 28 ปี โทร. 089 - 0496285
อาชีพ ขับรถแท๊กซี่รับจ้าง
ประวัติ มีปัญหาการใช้สายตาในเวลากลางคืน ต้องเพ่งมองจึงจะเห็นชัด
             มีอาการมา 8 เดือน แรกๆเป็นๆหายๆ
             ต่อมาเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
              ขับรถไม่มั่นใจ เมื่อคืนมองแทบไม่เห็น เหมือนมีหมอกเต็มไปหมด
             กะระยะท้ายรถคันหน้าไม่ถูกแล้ว
              ไฟท้ายรถคันหน้า เห็นเป็นวงสีรอบดวงไฟ
             ไฟหน้าของรถสวน ดูเจิดจ้าคล้ายกับเปิดไฟสูง
             อ่านหนังสือพิมพ์หรือดูโทรทัศน์ได้ครู่เดียวก็ตาพร่า
              เครียดสุดๆ กลัวว่าตากำลังจะบอด
วันที่ 27 ตุลาคม 2549
              การมองเห็น ตาขวา 5/200 ตาซ้าย 20/70-1
             ความดันลูกตา ตาขวา = ตาซ้าย = 37.2 มม.ปรอท
             ขั้วประสาทตาทั้งสองตา ฝ่อเกือบหมดแล้ว

             เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549
             สายตาเริ่มสู้แสงแดดได้
             ตอนเช้าตาจะดูสว่าง ไม่ค่อยมัว
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2549
             ขับรถจากสระบุรีมากรุงเทพฯในเวลากลางวันได้แล้ว
วันที่ 15 ธันวาคม 2549
             ขับรถจากกรุงเทพฯไปโคราชในเวลากลางคืนได้แล้ว
             หน้าตาแจ่มใส มั่นใจแล้วว่าตาจะไม่บอด

นาย ธรรมจักร สิงห์ทอง อายุ 50 ปี โทร. 089-2148601
อาชีพ บก.สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง ( พิมพ์หนังสือธรรม ) , หัวหน้าสถานีวิทยุคลื่นไทธรรม FM 95.25 MHz.
ปัญหา ปวดตา 2 ข้าง ตาพร่ามัว สายตาสู้แสงไม่ได้
       ระยะหลังทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มเห็นตัวอักษรซ้อนเบลอ และแสงของจอจะจ้ามากขึ้นจนทนไม่ได้ ถ้าฝืนทำต่อจะปวดศีรษะ
28 กค 2549 ความดันลูกตา ตาขวา 11.3 มม.ปรอท ตาซ้าย 12.6 มม.ปรอท
             พบขั้วประสาทตาฝ่อทั้งสองข้าง ขนาดประมาณ 0.5
              ได้รับการวินิจฉัยเป็น ต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ
4 สค. 2549 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
25 กย. 2549 ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ 3 ชั่วโมงอย่างสบาย ไม่ปวดศีรษะแล้ว
             สายตาทนแสงแดดและแสงจอคอมพิวเตอร์ได้ดีแล้ว


นาย บรรจบ พิริยะประกอบ อายุ 65 ปี โทร. 081-9033561
อาชีพ วิศวกร ข้าราชการบำนาญกระทรวงอุตสาหกรรม
          มีประวัติการรักษาโรคต้อหินเรื้อรังที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ความดันลูกตาไม่ค่อยสูง แต่มีขั้วประสาทฝ่อ ข้างขวา C:D = 0.6 ข้างซ้าย C:D = 0.7
ควบคุมด้วยยาหยอดตา 1 ตัว คือ Xalatan eyedrops
ความดันลูกตาคุมได้ดี ในระหว่าง 10 – 15 มม.ปรอท
แต่มีปัญหาตาแดงจากผลข้างเคียงของยาหยอดตา และมีปวดตาเวลาอ่านหนังสือมากๆ
          หลังจากรักษาด้วยการนวดตาประมาณ 1 เดือน สามารถหยุดยา Xalatan eyedrops ได้ อาการตาแดงหายขาดแล้ว สุขภาพของลูกตาโดยรวมดีขึ้นมาก อาการปวดตาปวดขมับเวลาอ่านหนังสือดีขึ้นและควบคุมได้


นาย วันชัย ชุ่มแจ่ม อายุ 37 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว โทร. 086-773-5355 , 02-426-6060
ประวัติ เป็นโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ (Normal tension glaucoma) ช่วงแรกตรวจพบว่าขั้วประสาทตาฝ่อ 50% ทั้ง 2 ตา ได้รับยาหยอดลดความดันตา 1 ชนิด ระหว่างรักษาอยู่ 1 ปี ขั้วประสาทตาฝ่อลงเรื่อยๆ เป็น 80% ทั้ง 2 ตา จักษุแพทย์ที่รักษาอยู่ไม่สามารถช่วยเหลือให้ดีขึ้นได้ ลานสายตาแคบลงเรื่อยๆ เวลากลางคืนเห็นมืดไปหมด
หลังจากเริ่มรักษาด้วยการนวดตาเมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2548 ลานสายตาค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆจนกลับมาเหมือนคนปกติในปัจจุบัน และสามารถเห็นได้ดีในเวลากลางคืน สามารถขับรถไปต่างจังหวัดในเวลากลางคืนได้อย่างมั่นใจแล้ว

นาย นวรัตน์ กลิ่นรัตน์ อายุ 43 ปี อาชีพ ผู้พิพากษา โทร. 089-4908119
มีประวัติเป็นต้อหินชนิดเรื้อรังมา 3 ปี ความดันลูกตาก่อนการรักษาอยู่ประมาณ 23 มม.ปรอท
รักษาที่ รพ.จักษุแห่งหนึ่งย่านอโศก มา 2 ปี ได้ยา Nyolol gel ตาขวา และ Xalatan eyedrops ทั้ง 2 ตา
เริ่มรักษาด้วยการนวดตา เมื่อ 6 กพ. 48   ความดันลูกตาครั้งแรก ทั้ง 2 ตา = 15 มม.ปรอท
14 กย. 48    ความดันลูกตา ทั้ง 2 ตา = 12 มม.ปรอท
30 กย. 48    ความดันลูกตา ทั้ง 2 ตา = 11 มม.ปรอท
28 ตค. 48    งดยาหยอดตาลดความดันลูกตาทั้ง 2 ตัวได้แล้ว
             ความดันลูกตา ตาขวา 11 มม.ปรอท ตาซ้าย 15 มม.ปรอท
             การเขียนอ่านหนังสือชัดเจนขึ้น


ผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ( Normal Tension Glaucoma ) หากโรครุนแรงและการดำเนินโรคเร็ว มักจะสิ้นสุดลงด้วยตาบอดทั้งสองข้างในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี การรักษาด้วยมาตรการลดความดันลูกตา ทั้งการใช้ยา การผ่าตัด หรือการยิงเลเซอร์ ก็ไม่อาจจะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ได้ มีเพียงการรักษาด้วยการนวดตาเท่านั้น ที่จะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ให้รอดพ้นจากการตาบอดได้ ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้

นาง รัชนก หวาจ้อย อายุ 43 ปี โทร. 086-6608398 อาชีพ แม่บ้าน
ประวัติ ปวดตา ตาพร่ามัว สายตาสู้แสงไม่ได้
วันที่ 11 ธ.ค. 2549 VA : Pin hole 20/20-2 ทั้งสองตา
                                  ขยายม่านตา พบขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 70%ตาซ้าย 50%


                                  ส่งตรวจลานสายตา พบว่าผิดปกติมากทั้งสองตา

ตาขวา MD -28.53dB
ตาซ้าย MD -31.70dB

วันที่ 22 ธ.ค. 2549 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 23 ก.พ. 2550 ไม่มีอาการปวดตาแล้ว
                                  สายตาสู้แสงได้เหมือนปกติ
                                  ผลการตรวจลานสายตา ดีขึ้นมากทั้งสองตา

ตาขวา MD +0.15dB
ตาซ้าย MD -1.10dB


นส.พร อายุ 19 ปี โทร. 081-4909054
อาชีพ ใช้สายตาเพ่งตรวจคุณภาพเครื่องประดับเงินและพลอยทั้งวัน
ประวัติ ตาพร่ามัวเห็นเป็นหมอก 2-3 เดือน ปวดตาซ้ายและปวดหัวบ่อยๆ
จากการตรวจ การมองเห็น ขวา 20/30-1 ซ้าย 20/30-2
              ความดันลูกตา 12.2 มม.ปรอท ทั้งสองตา
              ขั้วประสาทตาฝ่อ 50% ทั้งสองตา
วินิจฉัย โรคต้อหิน ชนิดความดันลูกตาปกติ
              ผลการตรวจลานสายตา ผิดปกติทั้งสองตา
ตาขวา MD -28.26dB
ตาซ้าย MD -19.66dB
5 ก.ย. 49 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
12 พ.ย. 49 อาการเห็นเป็นหมอกหายหมดแล้ว
           ไม่ปวดตา ไม่ปวดหัวแล้ว
           ผลการตรวจลานสายตาซ้ำ
ตาขวา MD -2.73dB
ตาซ้าย MD -2.54dB

น.ส.ภณิดา คนเพียร อายุ 29 ปี โทร.086-0142539
อาชีพ Training Superviser บริษัท I.S.A.Value Co,LTD. โทร.02-8941234
ประวัติ ชอบอ่านหนังสือมาก ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันมา 10 ปี
            ปวดตาและปวดหัวข้างเดียวคล้ายไมเกรน 2 ปี
            ตาพร่ามัวมาก 1 สัปดาห์
จากการตรวจ ความดันลูกตา ปกติ
            ขั้วประสาทตาฝ่อ 50 - 60 % ทั้ง 2 ตา
            ลานสายตา ผิดปกติ ทั้ง 2 ตา
ตาขวา MD -15.93 dB
ตาซ้าย MD -22.56 dB

วันที่ 13 ต.ค. 2549 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 19 ม.ค. 2550 อาการตาพร่ามัวดีขึ้นมาก
                             ผลการตรวจลานสายตาดีขึ้นมากเช่นกัน
ตาขวา MD -5.77 dB
ตาซ้าย MD -19.30 dB

นาง บุญเรือน คล่องดำเนินกิจ อายุ 42 ปี โทร. 02-4653338 อาชีพ ค้าขาย
ประวัติ ปวดตา ตาพร่ามัวมากว่า 10 ปี เคยไปตรวจโรงพยาบาลเอกชนและคลินิคตาหลายแห่ง แต่ไม่พบความผิดปกติ
วันที่ 23 ก.ค. 2549 ความดันลูกตาปกติ 10.2 มม.ปรอท ทั้งสองตา
             ขั้วประสาทตาฝ่อทั้งสองตา
             ลานสายตาผิดปกติมาก

ตาขวา MD -25.72dB
ตาซ้าย MD -24.74dB

             เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 4 ธ.ค. 2549 อาการปวดตาไม่มีแล้ว
             สายตาและการมองเห็น ดีขึ้นมาก
             ผลการตรวจลานสายตาซํ้า

ตาขวา MD -11.19dB
ตาซ้าย MD -15.77dB



พันธุกรรมมีความเกี่ยวข้องกับโรคต้อหินชนิดเรื้อรังอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้

นายบักเอี้ยว แซ่เล้า อายุ 87 ปี โทร.086-5416642
ประวัติ เป็นโรคต้อหินเรื้อรัง รักษาที่รพ.บำรุงราษฎร์กว่า 10 ปี
             ผ่าตัดตาซ้าย 4 ปีก่อน ตาขวา 2 ปีก่อน
              หลังผ่าตัด ยังคงต้องใช้ 0.5%Timoptol จนถึงปัจจุบัน
12 พค. 2549 ความดันลูกตา 2 ข้าง 11.2 มม.ปรอท
              ขั้งประสาทตาพบมีรอยฝ่อ ตาขวา 0.6 ตาซ้าย 0.9
              มีอาการเห็นเป็นหมอก และอ่านหนังสือได้ไม่นานจะปวดตา
              เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
1 กค. 2549 สามารถอ่านหนังสือได้เหมือนปกติโดยไม่ปวดตาแล้ว
              ( ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ )
              การมองเห็นชัดเจนขึ้น ไม่มีหมอกแล้ว
มีลูกสาว 4 คน ตรวจพบว่าเป็นโรคต้อหิน 3 คน ได้แก่
    2.1 นส.วัลลี เหล่าคงธรรม อายุ 52 ปี โทร. 02-2124326, 02-7468899
              ทำงานใช้สายตา เกี่ยวกับตัวเลข มีปัญหาปวดตาขวา ลักษณะปวดตึงๆน่ารำคาญ
หลังจากรักษาด้วยการนวดตา
              อาการปวดตาขวาดีขึ้นมาก สามารถใช้สายตาได้นานขึ้นโดยไม่ต้องพักสายตา
    2.2 นส.ยุพดี เหล่าคงธรรม อายุ 50 ปี โทร. 089-5263791
              เริ่มมีอาการปวดตาขวา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548 ปวดในเบ้าตาลึกๆ อาการปวดสัมพันธ์กับการใช้สายตา เช่น อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ สามารถใช้สายตาได้เพียง 1/2 - 1 ชั่วโมง ก็จะเริ่มมีอาการตึงในลูกตา ถ้าฝืนใช้สายตาต่อไป ก็จะมีอาการปวดในเบ้าตา ไม่คลื่นไส้ ถ้าเพ่งสายตา เช่น ร้อยเข็ม เพียงชั่งครู่ก็จะมีอาการตึงตาขึ้นมาทันที
    2 ธันวาคม 2548 ไปตรวจที่ รพ.เซนต์หลุย จักษุแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคสายตาล้า ได้ยาทานก็ไม่ดีขึ้น
    20 มิถุนายน 2549 เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการนวดตา
              ตรวจพบขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 0.7 ตาซ้าย 0.6
              ความดันลูกตา ตาขวา 10.2 มม.ปรอท ตาซ้าย 11.2 มม.ปรอท
    18 กรกฎาคม 2549 อาการปวดตาหายแล้ว
              อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ ได้ชัดเจนขึ้นและดูได้นานขึ้น
              เวลาใช้สายตาเพ่ง ก็ไม่ปวดตาอีกเลย

นายบรรยงค์ ฉันท์สมฤทธ์กุล (พ่อ) อายุ 68 ปี โทร.02-3110055
อาชีพ ซื้อขายหุ้นผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
ประวัติ เป็นโรคต้อหินเรื้อรัง รักษาประจำที่คลินิกตาแถวตรอกจันทร์
             แต่ยังมีปัญหาตาพร่ามัว เห็นเป็นหมอก
จากการตรวจ ความดันลูกตา 12.2 มม.ปรอท ทั้งสองตา
                        ขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 60% ตาซ้าย 70%
23 ก.ย. 49 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
21 ต.ค. 49 อาการเห็นเป็นหมอกหายไปแล้ว
                     การมองเห็นโดยรวมชัดเจนขึ้น
หมายเหตุ หลังจากรับการรักษาด้วยการนวดตาแล้วอาการดีขึ้น
                     ได้รับคำแนะนำว่า โรคต้อหินสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
                     ผู้ป่วยจึงแนะนำให้ลูกทุกคนมาตรวจ ( 3 คนอยู่เมืองไทย 1 คนอยู่ออสเตรเลีย )
                     4.1 นส.กฤษณา ฉันท์สมฤทธิ์กุล (ลูก) อายุ 41 ปี โทร.02-3116679
                     ตรวจพบว่าเป็นโรคต้อหิน มีขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 60% ตาซ้าย 50%
                     4.2 นส.กนกพร ฉันท์สมฤทธิ์กุล (ลูก) อายุ 39 ปี โทร.089-8935593
                     ตรวจพบว่าเป็นโรคต้อหิน มีขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 50% ตาซ้าย 50%
                     4.3 นส.กนิษฐา ฉันท์สมฤทธิ์กุล (ลูก) อายุ 33 ปี โทร.081-8540227
                     ตรวจพบว่าเป็นโรคต้อหิน มีขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 30% ตาซ้าย 40%

การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ บวกกับความเจริญทางด้านไอที ทำให้มีการใช้สายตามากขึ้น ในอนาคตจะพบผู้ป่วยโรคต้อหินมากขึ้นและอายุน้อยลงเรื่อยๆซึ่งเป็นกลุ่มโรคต้อหินที่มีความดันลูกตาปกติ เหมือนในประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ มีผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ มากที่สุดในโลก (สอดคล้องกับงานวิจัยของ Dr Masayuki Tatemichi, from Toho University School of Medicine) และโรคต้อหินกำลังจะเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยและของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้
นางสาว รัตตินันท์ จะยันรัมย์ อายุ 22 ปี โทร 086-9752510
ปัญหา     ตามัว โดยเฉพาะในสถานที่ๆมีแสงน้อยหรือเวลากลางคืน เห็นหน้าคนไม่ชัด อ่านหนังสือลำบาก พร่ามัวไปหมด เป็นมา 4-5 เดือน อาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตาพร่ามัวมากจนเห็นหน้าคนในระยะ 2 เมตร ไม่ชัด
           7-8 เดือนก่อน มีอาการปวดตาและปวดศรีษะข้างเดียวกัน ทั้งซีกขวาและซีกซ้ายสลับกัน เดือนละ 1-3 ครั้ง ได้รับการตรวจวินิจฉัยเป็นโรคไมเกรน และรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
จากการตรวจ     สายตา   ตาขวา 20/20-1  ตาซ้าย 20/20-1
                  ความดันลูกตา  ตาขวา 8.5 มม.ปรอท  ตาซ้าย 12.2 มม.ปรอท
                  ขั้วประสาทตา  ตาขวา ฝ่อ 0.6  ตาซ้าย ฝ่อ 0.6
ได้รับการวินิจฉัยเป็น ต้อหินเรื้อรังชนิดความดันตาปกติ ( Normal Tension Glaucoma )
22 มี.ค. 49  เริ่มการรักษาด้วยการนวดตา
20 เม.ษ. 49  1 เดือนหลังจากรักษาด้วยการนวดตา
สายตาเริ่มเห็นชัดขึ้น อาการปวดหัวปวดตาคล้ายไมเกรน ไม่มีแล้ว

ดช.วรัญญู ................ อายุ 14 ปี
ประวัติ ชอบเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์มาก เล่นตั้งแต่เช้าจนถึงตี1ตี2
            เช้าวันหนึ่ง ขณะอยู่ที่โรงเรียน เริ่มมีอาการปวดในเบ้าตาก่อน
            ต่อมา ตามืดบอดทั้งสองข้างเป็นเวลาประมาณ 10 นาที
จากการตรวจ การมองเห็น ตาขวา 20/20 ตาซ้าย 20/20-1
                        พบขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 50% ตาซ้าย 40%

ดญ.ธัญญาภรณ์ .............. อายุ 11 ปี
ประวัติ ปวดตาขวา ตาพร่ามัว เห็นตัวหนังสือสีจางลง
            อาการสัมพันธ์กับการใช้สายตา
            ปกติจะเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หนัก ดูทีวีมาก อ่านนิยายเยอะ
จากการตรวจ การมองเห็น ตาขวา 20/20-2 ตาซ้าย 20/20
                        พบขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 60% ตาซ้าย 50%

โรคต้อหิน มีโอกาสเกิดกับทุกคน ทุกวัย และทุกอาชีพ ไม่ยกเว้นแม้แต่แพทย์ ที่ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับผู้ป่วยอื่นๆ หากโรครุนแรงก็มีโอกาสตาบอดได้ ถึงแม้จะรักษาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ดังตัวอย่าง
1. นพ.วิวัฒน์ งามเกียรติไพศาล อายุ 39 ปี โทร. 081-4437914
อาชีพ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาขาอายุรกรรม
ประวัติ   13 ปีก่อน มีอาการตาขวามองเห็นผิดปกติ จึงไปตรวจที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ จักษุแพทย์ตรวจตาด้วยการขยายม่านตา ไม่พบความผิดปกติ
                6 เดือนต่อมา ตาขวามัวจนใกล้บอด จึงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต้อหิน และรับการผ่าตัดทำทางระบายน้ำในตา ( Trabeculectomy ) และจบลงด้วยตาขวาบอดในที่สุด
                ตาซ้าย มีความดันลูกตาครั้งแรกอยู่ที่ 18 มม.ปรอท ควบคุมด้วยยาหยอดลดความดันลูกตามาตลอด จากเดิมที่ใช้ยาหยอดเพียง 1 ชนิด และค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน ใช้ยาหยอดอยู่ 3 ชนิด คือ Xalatan ,Trusopt และ Alphagan เนื่องจากเหลือตาที่ใช้งานได้เพียงข้างเดียว จึงเข้มงวดรับการรักษามาอย่างต่อเนื่อง แต่โรคยังคงเลวลงตามผลการตรวจวัดลานสายตา ดังต่อไปนี้

   
25 สค. 2546
 
13 มีค.2549
 
28 สค.2549

                จะเห็นได้ว่า ลานสายตาเลวลงอย่างรวดเร็วในช่วง มีนาคม ถึง สิงหาคม ในปีนี้ และอาจารย์ที่รักษามีแผนที่จะทำการผ่าตัดเพื่อลดความดันลูกตา ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ตาบอดอีกข้างได้ เนื่องจากขั้วประสาทตาฝ่อไปแล้ว 90 % เมื่อได้ข่าวว่า มีการรักษาโรคต้อหินวิธีใหม่ด้วยการนวดตา นพ.วิวัฒน์จึงไม่ลังเลที่จะเข้ารับการรักษาในทันที หลังจากรักษาด้วยการนวดตาเป็นเวลา 1 เดือน การมองเห็นโดยรวมดีขึ้น และผลการตรวจลานสายตาดีขึ้นอย่างชัดเจน ดังรูป


16 ตค.2549


2. นายแพทย์ เอกชัย จุละจาริตต อายุ 68 ปี โทร 02-2410837
อาชีพ อดีตข้าราชการโรงพยาบาลเลิดสินและผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข
นายแพทย์นักวิจัย เคยได้รับรางวัลจากสภาวิจัยแห่งชาติ 2 ครั้ง
ประวัติ เป็นต้อหิน 10 กว่าปี รักษาที่โรงพยาบาลเลิดสิน ได้รับยาลดความดันลูกตา 2 ชนิดคือ Xalacom eyedrop และ Alphagan eyedrop
ปัญหา 1. ตาแดงและมีขี้ตาเรื้อรัง จากผลข้างเคียงของยาหยอดลดความดันลูกตา
       2. สายตาเริ่มเลวลงเรื่อยๆ เกรงว่าตากำลังจะบอด จึงค้นหาการรักษาวิธีใหม่ๆทางอินเตอร์เน็ต
21 มค. 49 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
19 กพ. 49 หนึ่งเดือนหลังการรักษา มีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นชัดเจน คือ
1. ใช้สายตาทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้นานขึ้นไม่พร่ามัวเหมือนก่อน
2. ตาซ้ายซึ่งเคยเห็นแสงมืดกว่าตาขวา ก็กลับมาเห็นสว่างใกล้เคียงกับตาขวาแล้ว
3. ความชัดเจนของภาพที่เห็น ดีขึ้นทั้งระยะใกล้และไกล
4. ลานสายตาเห็นกว้างขึ้นเรื่อยๆ
5. ความดันลูกตาลดลงเรื่อยๆ
6. อาการระคายเคืองตา และตาแดงดีขึ้นมากแล้ว

3.นายแพทย์ กัณฑ์ เรืองสินภิญญา อายุ 56 ปี โทร 01-3432114 บ้าน 02-2791610
อาชีพ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรค ผิวหนัง
15 พ.ค.49 มารับการตรวจตา
      ปัญหา 1.อ่านหนังสือได้ไม่นานจนรู้สึกรำคาญตัวเอง มีอาการเป็นมาเกือบ 2 ปี จะอ่านหนังสือได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น ตัวหนังสือจะแตกละลาย พร่าไปหมด หากนอนพักหรือหลับตาสักครู่หนึ่ง ก็จะรู้สึกดีขึ้น
              2.เวลากลางคืน ต้องการแสงมากกว่าปกติ จะพยายามเปิดไฟทุกดวงเท่าที่มีในบ้าน
      จากการตรวจด้วยการขยายม่านตา พบรอยเว้ารูปถ้วยที่ขั้วประสาทตาทั้งสองข้าง ขนาดประมาณ 0.6
29 พ.ค.49 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
       2 สัปดาห์ต่อมา เริ่มรู้สึกดีขึ้น
      เมื่อครบ 1 เดือน รู้สึกดีขึ้นชัดเจน และพบว่า หากนวดตาในขณะอบไอน้ำ (อบซาวน่า) จะเห็นผลดียิ่งขึ้น
หมายเหตุ การนวดตาในท่านอนราบ และการนวดตาในขณะอบซาวน่า จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตเข้าไปในลูกตาได้ดียิ่งขึ้น

4. นายแพทย์ มานพ ........................... อายุ 38 ปี โทร. 086-3907878
อาชีพ รับราชการ
ปัญหา อ่านหนังสือ ใช้สายตา ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน
        จะปวดตา ปวดหัว ทรมานมานาน
        เคยรับการตรวจพบว่า เป็นโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาสูง
        และใช้ยาหยอดลดความดันลูกตา แต่ใช้ยาบ้าง ไม่ใช้ยาบ้าง
        เนื่องจากไม่เห็นความแตกต่างจากการใช้ยา
        หลังจากทราบข่าวว่ามีการรักษาโรคต้อหินด้วยการนวดตา จึงทดลองเข้ารับการรักษา เนื่องจากเป็นวิธีง่ายๆ
        ไม่น่าจะมีอันตรายหรือมีข้อเสียแต่อย่างใด
ผลการรักษา
        1. อาการปวดหัว ปวดตา หายเป็นปลิดทิ้ง
         2. ใช้สายตาอ่านหนังสือ และทำงานคอมพิวเตอร์ได้นานๆโดยไม่มีอาการผิดปกติ
        3. ไม่ต้องใช้ยาหยอดตาลดความดันลูกตาอีกต่อไป (ความดันลูกตาอยู่ในเกณฑ์ปกติ)
         ได้แนะนำให้พี่สาวซึ่งเป็นโรคต้อหินเช่นกัน เข้ารับการรักษาด้วยการนวดตาแล้ว

การพบรอยเว้ารูปถ้วยที่ขั้วประสาทตาในเด็กเล็ก จักษุแพทย์และพ่อแม่เด็กอย่าได้ตกใจ เพราะไม่ใช่โรคต้อหินแต่กำเนิดหรือโรคต้อหินเรื้อรังชนิดที่พบในผู้ใหญ่ แต่เป็นเพียงความแตกต่าง( variation )ของขั้วประสาทตาที่อาจเกิดขึ้นได้ในเด็กปกติ ขั้วประสาทตาอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หรือมีจำนวนใยประสาทตาน้อยกว่าปกติ ทำให้มีช่องว่างเหลือที่ขั้วประสาทตา และสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่แรกคลอด มีลักษณะเป็นรูปถ้วยคล้ายกับที่พบในผู้ป่วยโรคต้อหิน ความแตกต่างอยู่ที่รอยเว้ารูปถ้วยในโรคต้อหิน เป็นช่องว่างที่เคยมีใยประสาทอยู่เต็มมาก่อนแล้วต่อมาเกิดแห้งฝ่อหายไป ดังตัวอย่างเด็ก 2 รายต่อไปนี้ หลังจากตรวจพบ ได้ทำความเข้าใจกับพ่อแม่ และไม่ให้การรักษาใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่นัดตรวจติดตามผลเท่านั้น

1. ดช.ธนรัตน์ ......................... อายุ 5 ปี มีรอยเว้ารูปถ้วยขนาด 0.6-0.7


2. ดช.นภัทร ......................... อายุ 5 ปี มีรอยเว้ารูปถ้วยขนาด 0.7-0.8


ผู้ป่วยโรคต้อหิน หลังจากได้รับการรักษาด้วยการนวดตา ถึงแม้อาการของโรคจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ควรจะนวดตาต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะโรคนี้ไม่หายขาด หากประมาทและละเลยการนวดตา โรคจะกลับมารุนแรงได้อีก ดังตัวอย่าง

นส.สมจิตร์ อนุสาสน์ อายุ 36 ปี โทร. 089-6968329
ประวัติ  ตาพร่ามัว เห็นเป็นหมอก
        ปวดตา เวลาใช้สายตา
        ตาสู้แสงแดดไม่ค่อยได้
จากการตรวจ  ความดันลูกตาปกติ
               ขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวา 80 % ตาซ้าย 70 %
การรักษา  หลังจากรักษาด้วยการนวดตาเป็นเวลา 2 เดือน อาการทั้งหมดหายเป็นปกติ
           เมื่ออาการดีขึ้น ผู้ป่วยก็เริ่มชะล่าใจ ไม่นวดตาตามปริมาณที่ได้รับคำแนะนำ
           อาการตาพร่ามัว และสายตาสู้แสงไม่ได้ ก็ค่อยๆกลับมาอีก และเริ่มกลัวว่าตาจะบอด


ความเครียดทางด้านจิตใจ ความกังวล และการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ความดันลูกตาขึ้นสูงได้มากกว่า 10 มม.ปรอท ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้

นาย วิชัย คุ้มศิริ อายุ 39 ปี โทร. 089-1698596
อาชีพ พนักงาน บริษัท ไทยวิศวกรรมแกรนิต จำกัด
ประวัติ เป็นต้อหินระยะสุดท้าย รักษาที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง
อาการ ตาพร่ามัว เห็นเป็นหมอก และเห็นแสงมืดลงเรื่อยๆ
จากการตรวจ ขั้วประสาทตาฝ่อเกือบหมดแล้วทั้ง 2 ตา
          
         ลานสายตา
                   
ตาขวา MD -32.12 dB
ตาซ้าย MD -32.92 dB

วันที่ 6 พ.ย. 2549 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 13 ธ.ค. 2549 ความดันลูกตา ตาขวา 11.4 มม.ปรอท ตาซ้าย 13.5 มม.ปรอท
                   แสงดูสว่างขึ้น ฝ้าหมอกจางลงไปมากแล้ว
วันที่ 29 ธ.ค. 2549 ความดันลูกตา ตาขวา 27.5 มม.ปรอท ตาซ้าย 33.5 มม.ปรอท
                   มีอาการคิดมาก เครียด กังวลว่าตาจะบอด ห่วงลูกซึ่งยังเล็กอยู่
                   ได้ให้ความมั่นใจว่ากับผู้ป่วยว่า การนวดตา สามารถช่วยประคับประคอง
                   สายตาที่ดีขึ้นแล้ว ให้คงที่อยู่ได้ตลอดชั่วอายุขัย และให้ยาคลายเครียดไปทานด้วย
วันที่ 19 ม.ค. 2550 ความดันลูกตา ตาขวา 14.8 มม.ปรอท ตาซ้าย 16.8 มม.ปรอท
                   ผู้ป่วยคลายกังวลแล้ว ขณะที่การมองเห็นดีขึ้นเรื่อยๆ

นาย อำนวยโชค กันภัย อายุ 44 ปี โทร.081-9094823 อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว
ประวัติ เป็นโรคต้อหินรักษารพ.เอกชนมาแล้วหลายแห่ง จนตาขวาเห็นเลือนรางแล้ว
อาการ ปวดหัวปวดตาเวลาใช้สายตา การมองเห็นมืดลงเรื่อยๆ เห็นสีจืดจางลง
จากการตรวจ ความดันลูกตา ตาขวา 17.8 มม.ปรอท ตาซ้าย 13.7 มม.ปรอท
              ขั้วประสาทตา ตาขวา ฝ่อหมดแล้ว ตาซ้าย ฝ่อ 90%
วันที่ 3 พ.ย. 2549 เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
วันที่ 1 ธ.ค. 2549 ตาขวาเริ่มเห็นดีขึ้น ลานสายตากว้างขึ้น
              อาการปวดหัว ปวดตา ไม่ค่อยมีแล้ว
วันที่ 5 ม.ค. 2550 ความดันลูกตา ตาขวา 35.0 มม.ปรอท ตาซ้าย 29.3 มม.ปรอท
              1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเครียด และนอนวันละ 3 - 4 ชั่วโมง
              
ให้ยาคลายเครียดทาน
วันที่ 12 ม.ค. 2550 ความดันลูกตา ตาขวา 17.1 มม.ปรอท ตาซ้าย 14.2 มม.ปรอท

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดลดความดันลูกตา
1. ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา ตาอักเสบ ตาแดง และมีการติดเชื้อแทรก ทำให้ตาแฉะ ขี้ตาเกรอะกรัง
2. เมื่อใช้ยาต่อเนื่องในระยะยาว จะเกิดการดื้อยา และทำให้ความดันลูกตาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเพิ่มจำนวนยาหยอดตา จนในที่สุดก็ไม่สามารถเพิ่มได้อีก และต้องจบลงด้วยการผ่าตัดในที่สุด
3. ยาที่
พบว่ามีโอกาสเกิดผลข้างเคียงค่อนข้างบ่อย ได้แก่ Xalatan, Travatan, Lumigan, Alphagan, Azopt, Trusopt และ Cosopt
ผู้ป่วยโรคต้อหินที่มีอาการ เช่น ปวดตา ตาพร่ามัว ตาสู้แสงไม่ได้ ใช้คอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน อ่านหนังสือได้ไม่ทน ฯลฯ ทำให้ผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมาน หรือเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตและวิชาชีพ การรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ด้วยมาตรการลดความดันลูกตา ไม่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการดังกล่าวได้ โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ในผู้ป่วยโรคต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ ( Normal Tension Glaucoma ) ในปัจจุบัน มีเพียงการนวดตาเท่านั้น ที่ช่วยผู้ป่วยเหล่านี้ให้กลับมาดำเนินชีวิตปกติได้อีกครั้งหนึ่ง ดังตัวอย่างผู้ป่วยต่อไปนี้

นส. พอลลิน ปรีชาพานิช อายุ 32 ปี โทร 089-8830418
Email: [email protected]
อาชีพ นักพัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์ บริษัท ซาเจม
ปัญหา มีอาการปวดตาซ้ายเกือบทุกวัน สัมพันธ์กับการใช้สายตา จนเป็นอุปสรรคในการทำงานด้านคอมพิวเตอร์ ได้รับการตรวจพบว่าเป็นต้อหิน หลังจากใช้ยาหยอดลดความดันลูกตา อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงค้นหาวิธีรักษาทางอินเตอร์เน็ต พบการรักษาด้วยการนวดตา จึงติดต่อเข้ารับการรักษาทันที
หลังจากรักษาด้วยการนวดตาเป็นเวลา 1 เดือน อาการปวดตาซ้ายหายหมดแล้ว สามารถทำงานใช้สายตาได้เป็นปกติ

นาย น้อย ตฤณวุฒิพงษ์ อายุ 61 ปี โทร. 02-4151532, 081-9260760
อาชีพ อดีตวิศวกรผู้บริหาร ( Technical Director ) บริษัท อุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วไทย จำกัด ( TGI )
27 พ.ย.2548 ตรวจสุขภาพประจำปี พบความดันลูกตาสูงกว่าปกติ
             ตาขวา 22.9 มม.ปรอท ตาซ้าย 25.9 มม.ปรอท
             ตรวจพบขั้วประสาทตาฝ่อ ตาขวาขนาด 0.6 ตาซ้าย 0.5
             ตรวจวัดลานสายตา ความผิดปกติยังไม่ชัดเจน
             ยังไม่ได้รับการรักษา
28 ก.ค. 2549 ความดันลูกตา ตาขวา 26.8 มม.ปรอท ตาซ้าย 27.0 มม.ปรอท
              สังเกตุพบว่า ผู้ป่วยใส่แว่นเลนส์สีดำทึบตลอดเวลา เนื่องจากสู้แสงไม่ได้
            และที่เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยโรคต้อหิน คือ ใส่แว่นดำทั้งกลางวันและกลางคืน
            ทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคม

              เริ่มรักษาด้วยการนวดตา
25 ส.ค. 2549 ความดันลูกตา ตาขวา 24.3 มม.ปรอท ตาซ้าย 22.5 มม.ปรอท
              การมองเห็นโดยรวมดีขึ้นชัดเจน และที่สำคัญ ตาสู้แสงได้ดีแล้ว และมีแผนจะเปลี่ยนเลนส์
              แว่นจากสีดำทึบ เป็นสีใส
30 ต.ค. 2549 ผู้ป่วยได้เปลี่ยนเลนส์แว่นตาเป็นเลนส์ใสแล้ว
หมายเหตุ ผู้ป่วยรายนี้และจักษุแพทย์ที่ตรวจครั้งแรก ต่างไม่ทราบว่า ตาที่สู้แสงไม่ได้ เป็นอาการหนึ่งของโรคต้อหินเรื้อรัง

นางสาว ................................... อายุ 28 ปี โทร 086-0315686
อาชีพ พนักงานโรงงาน
ปัญหา ปวดหัวบริเวณขมับ 2 ข้างเรื้อรัง ปวดร้าวไปท้ายทอย
จากการตรวจ      ความดันลูกตา ตาขวา 12.4 mmhg ตาซ้าย 12.3 mmhg
                  ขั้วประสาทตามีรอยฝ่อลึก ขนาด 0.7 ทั้ง 2 ตา
ผลการตรวจลานสายตา
ตาขวา MD -18.57 dB
ตาซ้าย MD -9.22 dB

หลังจากรักษาด้วยการนวดตาเป็นเวลา 1 เดือนเศษ อาการปวดหัวปวดตาหายหมดแล้ว
ผลการตรวจลานสายตาซํ้า



ตาขวา MD -2.44 dB
ตาซ้าย MD -4.50 dB

นางสาว อภิญญา จิตต์ซื่อ อายุ 27 ปี โปรแกรมเมอร์ บริษัท ดีแทค
โทร. 081-3096170

นางสาว ประภาพรรณ สุวรรณประเสริฐ อายุ 25 ปี โปรแกรมเมอร์อิสระ
โทร. 083-9951995

นาง อรอนงค์ กมลฉํ่า อายุ 34 ปี ทำงานด้าน computer graphic
โทร. 081-4331175

นางสาว พิมพ์จันทร์ สะเทียนรัมย์ อายุ 27 ปี ทำงานบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์
โทร. 084-6052526

นางสาว สุลาวัลย์ กันยะมี อายุ 47 ปี ทำงานบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์
โทร. 084-1010761

นางสาว นันทาวดี พิทักษ์สังข์ อายุ 32 ปี ทำงานธนาคารอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
โทร. 089-1122825

นางสาว รัชนี คุณวุฑฒ์ อายุ 44 ปี ทำงานธนาคารอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
โทร. 081-9892238

นาง อารยา โหมดประดิษฐ์ อายุ 49 ปี เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์มาก
โทร. 089-4489305
นาย ชาญวิทย์ ธีรประเวศน์กุล อายุ 61 ปี อาชีพ นักธุรกิจ
โทร. 089-6659303

หน้า 1  2  3  4

-->กลับสู่หน้าแรกของเวบโรคต้อหิน <--

-->กลับสู่หน้าหลักงานวิจัยของน.พ. สมเกียรติ<--